เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ มิ.ย. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรมเนาะ ฟังธรรมเพื่อเตือนสติไง ดูสิ เวลาบ้านนอกคอกนาเศรษฐกิจพอเพียง เขาขุดบ่อเลี้ยงปลา เขาทำเศรษฐกิจพอเพียง เขามีความสุขของเขา เขาอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีไง ในสภาวะแวดล้อมที่ดี พออยู่พอกินมันก็มีความสุขได้ แต่เราปากกัดตีนถีบ เราอยากจะมีความมั่นคงของชีวิต เราทำสิ่งใด เราทำสิ่งใดมันคุ้นชินทุกวันๆ มันเลยมองข้ามไปไง มองข้ามถึงสัจจะความจริง

สัจจะความจริงนะสุขกับทุกข์ มนุษย์เกิดมาปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์ นี้ความทุกข์ ความทุกข์ในสิ่งใดล่ะ ความทุกข์ของเรา ดูสัจจะ ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เป็นความจริง เรากลบมันไว้ไงแล้วเราก็ไปดูสภาวะแวดล้อม ไปดูปัจจัยเครื่องอาศัยว่ามันเป็นทุกข์ สรรพสิ่งนี้เป็นทุกข์นะ ถ้าเราประมาทเลินเล่อกับชีวิต ชีวิตเราจะวันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ก็ทำอยู่หลวงพ่อ ทำมาหากินนี่ไง ทำมาหากินมันทุกข์มันยากอยู่ มันก็ทุกข์ยากอยู่แล้ว ทุกข์นี้ทุกข์ประจำธาตุขันธ์

คำว่าทุกข์ประจำธาตุขันธ์คือทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน มีปากมีท้องเหมือนกัน มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน อันนี้เป็นทุกข์ของวัฏฏะ เพราะเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เกิดการเป็นมนุษย์มันถึงได้มีความทุกข์อย่างนี้เป็นประจำธาตุขันธ์ แต่เวลาทุกข์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกข์คือภวาสวะ คือภพ คือปฏิสนธิจิต การเวียนว่ายตายเกิด อันนี้เพราะมีการเกิดมาไง มีการเกิดมาเป็นเรานี่ไง มีการเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ไง เพราะมีการเกิดเป็นมนุษย์มันถึงได้มีความทุกข์ความยากไง เพราะที่ไหนมีการเกิดจะต้องมีการดับไง ถ้ามีการดับ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไง

ถ้าการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเรามีสติสัมปชัญญะ ฟังธรรมๆ เพื่อเตือนสติเรานี้แหละ ทุกข์ไหม ทุกข์ ทำไมจะไม่ทุกข์ แต่ทุกข์ถ้าเราศึกษาสัจจะความจริงแล้ว ทุกข์แล้วมันพอใจนะ ดูสิ เราเดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนา เช้าขึ้นมาออกไปทำหน้าที่การงานกลับมา กลับมาแล้วทำงานในบ้านจนจบแล้วค่อยสวดมนต์ นั่งสมาธิ ภาวนา ไอ้ทั้งวันมามันก็ทุกข์พอแล้ว ทำไมต้องมานั่งทนกับเวทนาให้มันทุกข์มากไปกว่านี้อีกล่ะ ทุกข์อย่างนี้เพราะเราศึกษามา เราศึกษามาเราพอใจแล้วเราถึงจะมาต่อสู้กับมันไง จะมาต่อสู้กับสัจจะ ต่อสู้กับความจริง ต่อสู้กับความเป็นมารยาสาไถยของหัวใจนี้ไง

เพราะหัวใจมันมารยาสาไถยมันถึงเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ ดูทางโลกเขาสิ ดูทางโลกเขานะ ประเทศชาติใด ประเทศชาติเขาตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ แต่เศรษฐกิจเขาดี เขามีการเตรียมพร้อมของเขา เวลาเกิดภัยพิบัติขึ้นมา ดูญี่ปุ่น ดูไอร์แลนด์สิ เวลาสิ่งใดเขาเตรียมพร้อมของเขา เขามีปัญญาของเขา ระบบเศรษฐกิจของเขา เขาเกิดแผ่นดินไหวของเขา เขาบูรณะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะว่าเศรษฐกิจเขาดี เขามีปัญญา เขามีทรัพยากรมนุษย์ เขามีมนุษย์มาฟื้นฟูได้

ไปดูประเทศชาติที่ไม่พร้อมสิ ไปดูเฮติสิ ไปดูประเทศชาติที่เขาไม่พร้อม เศรษฐกิจเขาไม่พร้อม ประชาชนของเขาไม่พร้อม สติปัญญาของคนมันอ่อนด้อย เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ แล้วพากันล่มไปหมดเลย เวลามันเกิดภัยพิบัติ ดูสิ ดูความพร้อม ความพร้อมของประเทศชาติที่เขาพร้อม เขาพร้อมของเขาด้วยระบบเศรษฐกิจ เขาพร้อมของเขาด้วยคุณภาพของมนุษย์ ด้วยศักยภาพของมนุษย์ เขาพร้อมของเขาด้วยปัญญาของเขา เขาฟื้นฟูได้นะ

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเกิดมาแล้วเราพร้อมไม่พร้อม ที่มาพร้อมเรามาศึกษา ดูหลวงตาท่านเตือนประจำนะ เกิดมาแล้วเขียนใบตายไว้เลย เขียนใบตายไว้ สมัครไว้ ตายสมัครมันไว้เลย เขียนใบตายไว้ แล้วตายไป ตายไปโดยไม่ได้มีสิ่งใดเลย แต่ถ้าเราพร้อมของเรา เราทุกข์ไหม ทุกข์ โดยธรรมชาติของการเกิด มีการเกิดที่ไหนต้องมีความทุกข์ลำบากยากเย็นที่นั่น เพราะมีไง มีทองคำ มีเงินมีทองเขาต้องบริหารนะ ยิ่งมีเงินมีทองยิ่งบริหารยิ่งจัดการนะ พอลดค่าเงินบาทนะไอ้คนมีเงินมากๆ ก่ายหน้าผากเลย

มันมีขนาดไหนมันก็ต้องบริหารจัดการทั้งนั้นแหละ มี คำว่ามี ถ้ามันเกิด คำว่ามันมีอยู่มันต้องบริหารจัดการ ชีวิตของเราก็เหมือนกันเราบริหารจัดการ แต่เราพร้อมไหม ถ้าเราพร้อม ดูสิ เขาบริหารจัดการจนเศรษฐกิจเขาดี พอเศรษฐกิจเขาดีแล้วเขาบริหารประชาชนของเขาให้รู้จัก รู้จักต่อสู้กับภัยธรรมชาติ เวลาเกิดภัยธรรมชาติแล้วให้มีน้ำใจต่อกัน พอมีน้ำใจต่อกันแล้วจะมีน้ำใจต่อเนื่องกันไปจนฟื้นฟู ตอนฟื้นฟูตอนทำ จิตใจของเราโดนกิเลสมันสั่นไหวตลอด มันสั่นไหวหัวใจตลอด มันหวั่นไหวตลอด มันหวั่นไหวแล้วเอาอะไรเป็นที่พึ่งล่ะ

มาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ทุกข์ประจำธาตุขันธ์ มันมีของมันอย่างนี้ แล้วมันมีอย่างนี้ ดูสิ เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมมาแล้ว สัจจะความจริงมันเป็นสัจจะความจริง เราไปยืนขวางมันไม่ได้ เราขวางสัจจะความจริงไม่ได้ เกิดแล้วต้องตาย เวลามันมีสิ่งใดแล้วต้องอนิจจังมันต้องแปรสภาพไป มันจะไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป เราเตรียมพร้อมหรือเปล่า เริ่มต้นของมนุษย์ เกิดมาเรามีลูกมีหลานใช่ไหม เราก็ต้องส่งเสียให้มันมีการศึกษาใช่ไหม

พ่อแม่เลี้ยงมาตีนเท่าฝาหอยนะ ตีนเท่าฝาหอยจริงๆ แล้วมันโตขึ้นมาแล้วถ้าจิตใจเขาดีเขาจะระลึกถึงพ่อแม่ของเขา แล้วระลึกถึงพ่อแม่ของเขา เขาห่วงใยของเขา เขาไปเยี่ยมไปเยียนแค่เห็นหน้าก็พอ พ่อแม่ไม่ต้องการอะไรเลย ต้องการให้เขาคิดถึง ต้องการน้ำใจเท่านั้นแหละ แต่ถ้ามันมีอะไรติดไม้ติดมือนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เว้นไว้แต่ เว้นไว้แต่ที่ชนบทเขาก็หวังพึ่งหวังพิง เพราะว่าเศรษฐกิจของเขาไม่ดี ต่างๆ ของเขาไม่ดี อันนั้นมันก็เป็นที่ว่าเราเกิดมาไง เราเกิดมาโดยสายบุญสายกรรม

ถ้าเกิดมาสายบุญสายกรรม ดูสิ คนเกิดมาพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่ที่ทุกข์ที่ยากเขาต้องการความพึ่งพิงจากลูก พ่อแม่ที่มีอุดมสมบูรณ์แล้วเขาก็ไม่ต้องการสิ่งใด แต่ไอ้เรื่องน้ำใจเรื่องความผูกพันมีทั้งนั้นแหละ ดูสิ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกๆ ทีนี้พระอรหันต์ของเรา ถ้าพระอรหันต์ของเรา เราได้ชีวิตนี้มาไง ถ้าได้ชีวิตนี้มาเราคิดแค่นี้ ทีนี้พอเราคิดแค่นี้เราได้ชีวิตนี้มา ได้ชีวิตมาจากใคร จากพ่อจากแม่ แต่จริงๆ แล้วเราได้ชีวิตนี้มาเพราะว่ามนุษย์สมบัติ เพราะเราได้สร้างบุญกุศลมา ถ้าเราไม่ได้สร้างบุญกุศลมา จิตนี้ไม่มีอำนาจวาสนาจะได้เกิดเป็นมนุษย์

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ แต่เกิดมาแล้วมันทุกข์ แต่การทุกข์นะในบรรดาสัตว์ ๒ เท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ไปอ่านพุทธประวัติสิท่านต้องเผชิญชีวิต จิตใจหนึ่งอยากออกหาโมกขธรรม ในสังคม พ่อ พ่อก็อยากเอาไว้ให้เป็นจักรพรรดิ บำรุงบำเรอทุกๆ อย่าง จิตใจของคนอย่างนั้นมันมีความทุกข์ไหม ว่ามีการเกิดที่ไหนต้องมีทุกข์ที่นั่น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยอำนาจวาสนาบารมีสละไป ทิ้งไป หนีไป ถ้าไม่หนีไปไปไม่ได้ เขาตั้งกรอบไว้ตั้งแต่เกิด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูสิ พราหมณ์มาพยากรณ์ ถ้าได้ออกบวชจะเป็นศาสดา ถ้าอยู่ทางโลกจะเป็นจักรพรรดิ นั่นน่ะมันฝังใจพ่อ ฝังใจพระอรหันต์ในบ้าน เขาก็เตรียมตัวไว้เต็มที่แล้ว แล้วตัวเองมีสติ มีปัญญาอย่างนั้น สร้างอำนาจวาสนามาอย่างนั้น แล้วมันต้องออกอย่างนั้น เราจะบอกว่ามันก็เป็นทุกข์ไง เราจะบอกว่ามันมีความสุขๆ

ความสุขมันเกิดจากการกระทำ ความสุขขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ อยู่ ๖ ปีทุกข์ยากทั้งนั้นแหละ ดูสิ ดูแผ่นดินไหว ชาติที่เขาพร้อม ชาติที่เขาเศรษฐกิจเขาดี ชาติที่มนุษย์ของเขามีคุณภาพ เขาฟื้นฟูประเทศชาติของเขาขึ้นมาใหม่เลย เมืองทั้งเมืองเขาสร้างใหม่หมด สร้างใหม่หมด แต่บางชาติ บางชนชาติเขาบริจาค เขาทุ่มเทไปขนาดนั้นก็ยังทำสิ่งใดไม่ได้ ทำสิ่งใดไม่ได้เพราะมันเกิดการทุจริต

นี่ก็เหมือนกัน เวลาออกประพฤติปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกประพฤติปฏิบัติ ๖ ปี ไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ มันไม่มีๆ มันไม่เป็น เขาการันตีมีความรู้เหมือนเรา อุทกดาบส อาฬารดาบสบอกมีสมาบัติ ๖ สมาบัติ ๘ เหมือนเรา เป็นพระอรหันต์เหมือนเรา สอนได้เหมือนเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เอาๆๆ ไม่เอาเพราะอะไร เพราะท่านสร้างอำนาจวาสนาบารมีของท่าน

แต่เวลาท่านประพฤติปฏิบัติของท่านนะ ปฐมยาม บุพเพนิวาสานุสติญาณ พอจิตสงบแล้วมันเห็นเอง เห็นเองแล้วมันสังเวชไง สังเวชเพราะเห็นมีสติสัมปชัญญะพร้อม เพราะมันเกิดสัมมาสมาธิ เวลาจิตสงบแล้วมีสมาธิ เวลาเห็นอดีตชาติไปไม่ตื่นเต้น ไม่หวั่นไหว แล้วมันเกิดความสังเวช เกิดสังเวช เรามาจากที่นี่แล้วดึงจิตกลับมา พอจิตสงบ จุตูปปาตญาณ ถ้ามันไม่มีมรรค ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล ศาสนาไหนไม่มีปัญญาการรู้แจ้ง ไม่มีปัญญาการถอดถอน มันยังต้องเกิดอีก จุตูปปาตญาณ เพราะจิตสงบแล้วมันมีกำลัง มีญาณ มีความรู้ มันส่งไปอนาคต ถ้าจิตนี้ไม่ได้ชำระล้างมันจะไปเกิดอย่างนี้ๆๆ

มันสังเวชไปหมด ดึงกลับมา ดึงกลับมาสู่ฐีติจิต ดึงกลับมาสู่ปฏิสนธิจิต เวลาจิตสงบแล้วมีกำลังมากขึ้นเกิดอาสวักขยญาณ เกิดมรรค เกิดผลขึ้นมาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมาแสนทุกข์แสนยาก เกิดมาแสนทุกข์แสนยาก แต่เกิดมาสร้างอำนาจวาสนาบารมี เราต้องพยายามขวนขวายของเราไป เราจะทำคุณงามความดี เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราพยายามทำความดีไง แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันสั่นไหวในหัวใจของเรา

สังคมเขาเอาแต่มักง่าย เอาแต่ความพอใจของเขา เขาจะดึงไปของเขา แต่เราทำคุณงามความดีของเราเราต้องฝืนกระแสสังคม ฝืนกระแสของการถากถาง การดูถูก การนินทา สัตว์อาชาไนย จิตใจที่มีอาชาไนยมันจะฝืนความที่เขาถากถาง เขาเหยียดหยาม เขาเยาะเย้ย แล้วเราพอเขาเหยียดหยาม เขาเยาะเย้ยเราก็ตกหลุมพรางไปกับเขา นี่ไงคนที่ขาดสติ ขาดปัญญา ขาดอำนาจวาสนาบารมี

คนที่มีอำนาจวาสนาบารมี ดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิ เพราะเป็นเตมีย์ใบ้ เขาเชื่อว่าใบ้ไม่ใบ้เขาเอามีดตัดหู ตัดจมูก ดูสิ ทานบารมีสละๆ บารมีสิบทัศ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำขนาดนั้น แล้วทำขนาดนั้นก็ตายไปในภพชาตินั้น ภพชาตินั้นเขาไปสร้างอำนาจวาสนาบารมีของใจดวงนั้น พอใจดวงนั้นบารมีเต็มขึ้นมาแล้วมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเวลาฝึกฝนขึ้นมาๆ

ที่เรามาฟังธรรมๆ สิ่งที่เราไม่ได้สร้างมาขนาดนั้นทำให้เราก็ได้สร้างบุญกุศลของเรามา เราถึงได้มีจริต มีนิสัย มีความรู้สึกนึกคิด มีการเปิดหัวใจรับฟังความเห็นต่างทุกๆ เรื่อง แล้วความเห็นต่างในพระพุทธศาสนาเรามีความเห็นต่างแล้วเรารับฟัง แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการขนาดนั้นเพราะท่านเป็นศาสดา เราเป็นสาวก สาวกะผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ผู้ที่มีคนชี้นำ เราได้ยินได้ฟังขนาดนั้น ถ้าเรามีอำนาจวาสนาขนาดนั้นเราก็พยายามมีความมานะบากบั่น เราพยายามจะมีความมานะบากบั่นสร้างสมบุญญาธิการของเราขึ้นมา

สร้างบุญกุศลขึ้นมา ทำบุญกุศล ทำบุญทำเพื่อเรา ฝังไว้ในหัวใจ เขาว่าฝังไว้ในดินๆ ฝังไว้ในหัวใจเพราะหัวใจเป็นคนทำ ฝังไว้ในหัวใจ พอฝังไว้ในหัวใจมันจะเกิดอำนาจวาสนา มันจะเกิดอำนาจวาสนาบารมีต่อไปข้างหน้า ใครจะดูถูกเหยียดหยามถากถางนั่นมันเรื่องของเขาเราทำของเรา เราทำเพื่อประโยชน์ของเรา แล้วถ้ามีสติมีปัญญาเราจะมานะบากบั่น แล้วคนมาวัดมาวานะ ขวนขวายมาทำบุญมันก็แสนยากแล้ว แต่เวลามาถึงวัดมาถึงวาแล้ว อยู่บ้านแล้วนั่งสมาธิเฉยๆ มันทุกข์ยากมากกว่า นั่งเฉยๆ เอาความคิดไว้ในใจเรามันทุกข์มากกว่านี้อีก เอาไม่อยู่ๆ แล้วทำไมเอาไม่อยู่ล่ะ

ถ้ามีอำนาจ เราทำทาน ศีล ภาวนา มันจะต่อยอดมาที่ไง มันเป็นสามเส้า ทาน ศีล ภาวนา เราตั้งความเพียรขึ้นไปบนสามเส้านั้นมันตั้งได้มั่นคง แต่มันขาดฐานใดฐานหนึ่ง เราตั้งแล้วมันไม่มั่นคงเราก็พยายามทำจิตใจให้เป็นสาธารณะ จิตใจเผื่อแผ่ ระลึกถึงคนอื่นก่อนๆ เวลาภาวนามันได้ ถ้านึกถึงเราก่อนๆ เวลามันตั้งบนเส้าเดียวมันยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่เลย มันตั้งไม่ได้ แล้วก็บอกเราทำได้ ภาวนาเมื่อไหร่ก็ได้ อ่านธรรมะขึ้นมาจะเป็นพระอรหันต์เดี๋ยวนี้เลย โอ๋ย อย่างนี้ทำได้หมดเลยๆ ทำจริงๆ แล้วทำไม่ได้ ทำไม่ได้ ทำไม่ได้เพราะมันไม่มีพื้นฐานมา

ดูสิ นักกีฬาช้างเผือกๆ เขาเอาช้างเผือกมาแล้ว ช้างเผือกบางคนก็ประสบความสำเร็จเพราะมีการฝึกฝน มีการแสวงหา มีฝึกฝนความเพียรของเขา ช้างเผือกเขาไปเห็นแล้ว แหม ช้างเผือกตัวนี้มีโอกาสมากเลย มาถึงมันขี้เกียจ มันขี้คร้าน มันมีแต่กินแต่นอน ช้างเผือกนั้นไม่ได้ประโยชน์เลย ถึงจะมีอำนาจวาสนาก็ต้องมีความขยันหมั่นเพียร ต้องมีความเพียรชอบ มีความเพียร มีความวิริยะ มีความอุตสาหะ มีการกระทำมันถึงจะส่งเสริมกัน

นี่ก็เหมือนกัน เราก็ต้องมีอำนาจวาสนามาเราถึงมีความสนใจในพระพุทธศาสนา เราถึงได้ขวนขวายของเราไง แล้วถ้าเราทำของเราก็ทำประโยชน์ของเรา ถ้าทำประโยชน์ของเรา ประเทศชาติที่เศรษฐกิจเขาพอเพียง แต่เขามีทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เขาบริหารจัดการขึ้นไปก็จะประสบความสำเร็จ ของเราก็เหมือนกัน ถ้าเรามีทรัพยากรของเรานะ มีศรัทธา มีบุญขนาดไหน แล้วเราพยายามทำความเพียร ความวิริยะอุตสาหะของเรา เราจะฟื้นฟูหัวใจของเรา เราจะทำหัวใจเราให้พ้นทุกข์ เราพยายามเอาหัวใจเราให้รอดมาจากการเสียดสีการนินทาของโลกเขา

บุรุษอาชาไนยไม่หวั่นไหวไม่ตื่นเต้นไปกับแรงถากถางอย่างนั้น เราจะทำตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะทำตามครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านได้ฝืนกระแส แล้วท่านทำประสบความสำเร็จไปแล้ว เราจะฝืนทนอย่างนั้นเพื่อประโยชน์กับหัวใจของเรา เอวัง